นำเสนอแนวคิด การออกแบบและพัฒนาระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะ สำหรับ ปลูกกัญชาทางการแพทย์
อาจารย์ณัฐวุฒิ พจน์ปริญญา อาจารย์ประจำสาขาเทคโนโลยีวิศวกรรมไฟฟ้า คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ร่วมนำเสนอแนวคิดโครงการวิจัย เรื่อง การออกแบบและพัฒนาระบบควบคุมฟาร์มอัจฉริยะสำหรับ ปลูกกัญชาทางการแพทย์ ในวันที่ 5 มีนาคม 2563 ซึ่งเป็นโครงการ วิจัยภายใต้การดำเนินงานเชิงบูรณาการของสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ โดยความร่วมมือกับโรงพยาบาลคูเมืองและเพลาเพลินในการพัฒนานวัตกรรมกัญชาทางการแพทย์บุรีรัมย์โมเดล ณ ห้องประชุมโรงพยาบาลคูเมือง
ซึ่งเป็นอีกก้าวของความร่วมมือในการขับเคลื่อนบุรีรัมย์โมเดล กัญชาทางการแพทย์ ในวันที่ 5 มีนาคม 2563 นั้นยังได้มีการร่วมประชุม เพื่อจัดทำแผนงานวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์ โดยบูรณาการการทำงานของหน่วยงานและดึงศักยภาพเด่นของจังหวัด มาทำแผนงานตั้งแต่ระยะต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยมุ่งหวังให้เกิด ต้นแบบโมเดล กัญชาทางการแพทย์ของจังหวัดบุรีรัมย์ต่อไป
ภาพกิจกรรมการนำเสนอ
กัญชาเพื่อการแพทย์
คำว่า กัญชาเพื่อการแพทย์ ตามข้อมูลขององค์การอาหารและยาสหรัฐ หรือ FDA นั้นถูกตีความมาจากสารสกัดพื้นฐานจากพืชกัญชา เพื่อนำมารักษาผู้ที่มีปัญหาการเจ็บป่วยที่เข้าเงื่อนไขทางวิชาการ ที่มีการพัฒนาการวิจัยอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายทศวรรษ ซึ่งหลายประเทศได้พัฒนาและนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์แล้ว
ประเทศไทยกับทิศทางแนวนโยบายยาเสพติดใหม่
ขณะเดียวกัน ในประเทศไทย พระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท เดิมทีนั้นมีปรากฏข้อความในกฎหมายหลายฉบับ และมีความขัดแย้งกัน ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องด้านนโยบาย จึงได้มีนโยบายสังคายนากฎหมายให้กระชับและมีความเป็นสากล จึงได้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท พ.ศ. 2559 โดยที่ มาตรา 3 กำหนดให้ยกเลิกพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ทั้งสี่ฉบับ คือ พ.ศ. 2518, พ.ศ. 2528, พ.ศ. 2535 และ พ.ศ. 2543 ให้รวมเป็น พรบ.ออกฤทธ์ต่อจิตประสาท 2559 ประกาศในราชกิจจา วันที่ 16 มกราคม 2560 แล้วนั้น มารตรา 7 กำหนดยาเสพติดให้โทษออกเป็น 5 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ 5 คือ ยาเพสติดให้โทษที่ไม่อยู่ในกลุ่มประเภทร้ายแรง เช่น กัญชา พืชกระท่อม โดยในรายละเอียดหลักเกณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวข้อง เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายยาเสพติดใหม่ ผู้เกี่ยวข้องจึงได้ปรับแก้ ซึ่งก็คือ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 7 พ.ศ. 2562 สาระสำคัญคือ ตามพระราชบัญญัตินี้ กำหนดมาตรการในการควบคุมยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและสอดคล้องตามหลักสากล
ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจา ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา โดยที่ได้อนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากกัญชาและกระท่อมเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การรักษาผู้ป่วย หรือการศึกษาวิจัยและพัฒนา ซึ่งในขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ องค์การเภสัชกรรม กรมการแพทย์ กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ กรมสุขภาพจิต สำนักงานอาหารและยา กำลังดำเนินการเพื่อให้มีการนำประโยชน์จากพืชสกัดจากกัญชา มาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์บนพื้นฐานตามหลักวิชาการด้านการแพทย์ที่เหมาะสม ภายใต้การควบคุมดูแลของผู้เชี่ยวชาญตามมาตรฐานผู้ประกอบวิชาชีพตามที่ได้ระบุในกฎหมายใหม่ ซึ่งต้องเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาตตามกฎหมายเท่านั้น